ฟิล์มกรองแสงราคาถูก กับ ราคาแพง ต่างกันหลักๆ ดังนี้
วัสดุและเทคโนโลยีที่ใช้
- ฟิล์มราคาถูก: มักใช้พลาสติกโพลีเอสเตอร์เป็นวัสดุหลัก เคลือบสารกันความร้อนด้วยวิธีการย้อมสี หรือพ่นสี เทคโนโลยีที่ใช้ค่อนข้างเรียบง่าย
- ฟิล์มราคาแพง: มักใช้กรรมวิธีการผลิตที่ซับซ้อนกว่า เช่น การสputtering หรือการเคลือบด้วยนาโนเทคโนโลยี วัสดุที่ใช้ก็มีคุณภาพสูงกว่า เช่น เซรามิค คาร์บอน หรือโลหะผสม
ประสิทธิภาพ
- ฟิล์มราคาถูก: ประสิทธิภาพการกันความร้อน ป้องกันรังสียูวี และความทนทาน ค่อนข้างต่ำ สีอาจซีดจาง เกิดรอยขีดข่วน หรือลอกได้ง่าย อายุการใช้งานสั้น
- ฟิล์มราคาแพง: ประสิทธิภาพการกันความร้อน ป้องกันรังสียูวี และความทนทาน สูงกว่า สีไม่ซีดจาง ทนรอยขีดข่วน และลอกยาก อายุการใช้งานยาวนาน
คุณสมบัติพิเศษ
- ฟิล์มราคาถูก: มักไม่มีคุณสมบัติพิเศษเพิ่มเติม
- ฟิล์มราคาแพง: อาจมีคุณสมบัติพิเศษเพิ่มเติม เช่น กันสะท้อน กันรอยขีดข่วน รักษาความเป็นส่วนตัว หรือป้องกันสัญญาณรบกวน
การรับประกัน
- ฟิล์มราคาถูก: มักมีระยะเวลาการรับประกันสั้น 1-2 ปี
- ฟิล์มราคาแพง: มักมีระยะเวลาการรับประกันยาวนาน 5-10 ปี หรือมากกว่า
สรุป
ฟิล์มกรองแสงราคาถูก มักมีประสิทธิภาพ คุณสมบัติ และการรับประกัน ที่ด้อยกว่าฟิล์มราคาแพง แต่ก็มีข้อดีคือราคาถูกกว่า เหมาะสำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัด หรือต้องการใช้งานฟิล์มระยะสั้น
ฟิล์มกรองแสงราคาแพง มักมีประสิทธิภาพ คุณสมบัติ และการรับประกัน ที่ดีกว่าฟิล์มราคาถูก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มค่า ใช้งานฟิล์มระยะยาว หรือต้องการฟิล์มที่มีคุณสมบัติพิเศษ
ดังนั้น การเลือกซื้อฟิล์มกรองแสง ควรพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น งบประมาณ ความต้องการใช้งาน และประเภทของรถ